สำหรับผู้ประกอบการในโรงงาน อุตสาหกรรมนั้นย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าในการปฏิบัติงานต่างๆจะมีกฏหมายและข้อบังคับ สำหรับส่วนงานต่างๆไว้อย่างชัดเจนและในเรื่องการปล่อยน้ำเสีย น้ำทิ้ง ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีการควบคุมและบังคับใช้อยู่คือ “ประกาศกระทรวง เรื่องกําหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกําเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม” ที่จะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบและส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมและผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงสถานประกอบการ
ดัชนีคุณภาพน้ำ | ค่ามาตรฐาน | วิธีการตรวจสอบ |
---|---|---|
1. ค่าความเป็นกรดและด่าง (pH value) | 5.5-9.0 | pH Meter |
2. ค่าทีดีเอส (Total Dissolved Solids) | – ไม่เกิน 3,000 มก/ล. หรืออาจแตกต่างแล้วแต่ละประเภทของแหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม ที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษเห็นสมควรแต่ไม่เกิน 5,000 มก./ล. – น้ำทิ้งที่จะระบายลงแหล่งน้ำกร่อยที่มีค่าความเค็ม (Salinity) เกิน 2,000 มก./ล. หรือลงสู่ทะเลค่าทีดีเอสในน้ำทิ้งจะมีค่ามากกว่าค่าทีดีเอส ที่มีอยู่ในแหล่งน้ำกร่อยหรือน้ำทะเลได้ไม่เกิน 5,000 มก.ล. | ระเหยแห้งที่อุณหภูมิ 103-105oC เป็นเวลา 1 ชั่วโมง |
3. สารแขวนลอย (Suspended Solids) | ไม่เกิน 50 มก./ล. หรืออาจแตกต่างแล้วแต่ประเภทของแหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม หรือประเภทของระบบบำบัดน้ำเสียตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษเห็นสมควรแต่ไม่เกิน 150 มก./ล. | กรองผ่านกระดาษกรองใยแก้ว (Glass Fiber Filter Disc) |
4. อุณหภูมิ (Temperature) | ไม่เกิน 40°C | เครื่องวัดอุณหภูมิ วัดขณะทำการเก็บตัวอย่างน้ำ |
5. สีหรือกลิ่น | ไม่เป็นที่พึงรังเกียจ | ไม่ได้กำหนด |
6. ซัลไฟด์ (Sulfide as H2S) | ไม่เกิน 1.0 มก./ล. | Titrate |
7. ไซยาไนด์ (Cyanide as HCN) | ไม่เกิน 0.2 มก./ล | กลั่นและตามด้วยวิธี Pyridine Barbituric Acid |
8. น้ำมันและไขมัน (Fat, Oil and Grease) | ไม่เกิน 5.0 มก./ล. หรืออาจแตกต่างแล้วแต่ละประเภทของแหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือ ประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษเห็นสมควรแต่ไม่เกิน 15 มก./ล. | สกัดด้วยตัวทำละลาย แล้วแยกหาน้ำหนักของน้ำมันและไขมัน |
9. ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) | ไม่เกิน 1.0 มก./ล. | Spectrophotometry |
10. สารประกอบฟีนอล (Phenols) | ไม่เกิน 1.0 มก./ล. | กลั่นและตามด้วยวิธี 4-Aminoantipyrine |
11. คลอรีนอิสระ (Free Chlorine) | ไม่เกิน 1.0 มก./ล. | lodometric Method |
12. สารที่ใช้ป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือสัตว์ (Pesticide) | ต้องตรวจไม่พบตามวิธีตรวจสอบที่กำหนด | Gas-Chromatography |
13. ค่าบีโอดี 5 วันที่อุณหภูมิ 20 °C (Biochemical Oxygen Demand : BOD) | ไม่เกิน 20 มก./ล. หรือแตกต่างแล้วแต่ละประเภทของแหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม ตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 60 มก./ล. | Azide Modification ที่อุณหภูมิ 20°C เป็นเวลา 5 วัน |
14. ค่าทีเคเอ็น (Total Kjeldahl Nitrogen) | ไม่เกิน 100 มก./ล. หรืออาจแตกต่างแล้วแต่ละประเภทของแหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม ตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษ เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 200 มก./ล. | Kjeldahl |
15. ค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand) | ไม่เกิน 120 มก./ล.หรืออาจแตกต่างแล้วแต่ละประเภทของแหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม ตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษ เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 400 มก./ล. | Potassium Dichromate Digestion |
16. โลหะหนัก (Heavy Metal) | ||
- สังกะสี (Zn) | ไม่เกิน 5.0 มก./ล. | Atomic Absorption Spectro Photometry ชนิด Direct Aspiration หรือวิธี Plasma Emission Spectroscopy ชนิด Inductively Coupled Plama : ICP |
- โครเมียมชนิดเฮ็กซาวาเล้นท์ (Hexavalent Chromium) | ไม่เกิน 0.25 มก./ล. | |
- โครเมียมชนิดไตรวาเล้นท์ (Trivalent Chromium) | ไม่เกิน 0.75 มก./ล. | |
- ทองแดง (Cu) | ไม่เกิน 2.0 มก./ล. |
|
- แคดเมียม (Cd) | ไม่เกิน 0.03 มก./ล. |
|
- แบเรียม (Ba) | ไม่เกิน 1.0 มก./ล. |
|
- ตะกั่ว (Pb) | ไม่เกิน 0.2 มก./ล. |
|
- นิคเกิล (Ni) | ไม่เกิน 1.0 มก./ล. | |
- แมงกานีส (Mn) | ไม่เกิน 5.0 มก./ล. | |
- อาร์เซนิค (As) | ไม่เกิน 0.25 มก./ล | Atomic Absorption Spectrophotometry ชนิด Hydride Generation หรือวิธี Plasma Emission Spectroscopy ชนิด Inductively Coupled Plasma : ICP |
- เซเลเนียม (Se) | ไม่เกิน 0.02 มก./ล. | |
- ปรอท (Hg) | ไม่เกิน 0.005 มก./ล. | Atomic Absorption Cold Vapour Techique |
ขอบคุณข้อมูลจาก **ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2539) ลงวันที่ 3 มกราคม 2539 เรื่องกําหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกําเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม
ซึ่งในปัจจุบันนับตั้งแต่ปี 2018 คงไม่มีโรงงานหรืออุตสาหกรรมไหนเลือกที่จะฝ่าฝืนกฎข้อบังคับเหล่านี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำทิ้งหรือบำบัดน้ำเสียในปัจจุบันนั้นลดลงมาก ซึ่งหากเทียบกับผลกระทบจากค่าปรับ และผลที่ตามมาจากการตรวจสอบแล้ว การทำตามข้อบังคับถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก รวมถึงนวัตกรรม เทคโนโลยี และประสบการณ์ต่าง ๆ ได้พัฒนาสูงขึ้น ทำให้การบำบัดน้ำเสีย ไม่ใช่เรื่องยาก หรือลำบากอีกต่อไป ยกตัวอย่างเช่น การกรองน้ำเสีย น้ำทิ้งก่อนทำการปล่อยออกไป หรือนำไปบำบัดขั้นต่อไปนั้น ในอดีตมักจะใช้ทรายกรอง เพื่อทำการกรอง และมีค่าใช้จ่ายที่สูงเนื่องจากใช้ปริมาณมาก และต้องเปลี่ยนตลอดทุก ๆ 1-2 ปี
แต่ในปัจจุบันมี สารกรองน้ำที่ทำจากแก้ว ที่นำเข้ามาจากยุโรป สามารถนำมาใช้งานแทนทรายได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพในการกรองที่สูงกว่าทรายถึง 40 เท่า รวมถึงอายุการใช้งานของตัวสารกรองแก้วเองที่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 15 ปี